มาเรียน English กันครับ
หน้า 1 จาก 1
มาเรียน English กันครับ
สวัสดีครับ
*************************************************************************************************************
*************************************************************************************************************
ก่อนอื่นเลย ธรรมชาติของคนเมื่อเด็กคนนึงอายุย่างเข้าประมาณสองขวบ ไม่ว่าชาติใด ภาษาใด เด็กจะพูดภาษาของตนได้ก่อน โดยรู้ศัพท์ไม่ถึง 100คำ แต่ทุกคำนั้นนำมาใช้ได้หมด ผิดกับคนไทยบางคนที่จบมหาวิทยาลัย ซึ่งอาจรู้ศัพท์ถึง2,500คำ และรู้ไวยากรณ์มากกว่าเด็กฝรั่ง แต่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้
ซึ่งที่เราพูดภาษาอังกฤษไม่ได้นั้น ไม่ใช่เพราะรู้ศัพท์ภาษาอังกฤษไม่พอ หรือไวยากรณ์ไม่แตกฉาน แต่เพราะไม่สามารถนำศัพท์ที่รู้นั้นไปแต่งประโยคพูดได้นั่นเอง
ซึ่งหนังสือเล่มนี้ ได้บอกผมแบบนี้ครับ ลองนึกถึงความจริงอันนี้ ไม่มีใครสามารถว่ายน้ำได้เพียงเพราะ 1.ดูคนอื่นว่ายน้ำ 2.ฟังคำอธิบายวิธีว่ายน้ำ 3.อ่านตำราว่ายน้ำ
วิธีที่จะว่ายน้ำให้เป็น มีอยู่วิธีเดียว คือลงไปในน้ำแล้วหัดว่าย โดยมีคนคอยสอนให้ครับ
เช่นเดียวกับการเรียนภาษาอังกฤษ ไม่มีใครสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ เพียงเพราะ 1.ฟังคนอื่นพูดภาษาอังกฤษ 2.ฟังคำอธิบายเกี่ยวกับภาษาอังกฤษ 3.อ่านตำราภาษาอังกฤษ
เพราะฉะนั้นระหว่างที่อ่านเนื้อหาในกระทู้นี้ มันจะมีแบบฝึกหัดย่อยต่างๆคับ ลองทำด้วยปากเปล่า (ด้วยการออกเสียงดังๆ) ทำข้อละหลายๆครั้ง และหลายๆเที่ยว จนสามารถพูดได้คล่องจริงๆ แล้วจึงเขียนลงในสมุด วิธีนี้จะทำให้เราพูดจำและพูดได้แน่ๆครับ
เอาล่ะครับ เรามาเริ่มบทที่1กันเลยย
ตอนที่1 ประธานกระทำ
ตัวอย่าง (ประธาน + กริยา + กรรม +กริยาวิเศษ)
- I come here every day. - I bring my book everyday.
- I go to market every day. - I sit on a chair everyday.
- We get our money everyday. - We speak with our friendevery day.
- We write letters everyday. - We ring a bell every day.
- You give him a book every day. - You put on your clothesevery day.
- You teach your broth erevery day. - You wear a hat every day.
1.1.2 ในการตั้งประโยคคำถามนั้น ภาษาไทยเราจะใส่คำ ‘หรือ’ ลงไปในที่ท้ายประโยค เช่น คุณดื่มน้ำทุกๆวันหรือ? , คุณอ่านหนังสือพิมพ์ทุกๆวันหรือ?
ในภาษาอังกฤษนั้นให้เราใส่คำ ‘Do’ เข้าที่หน้าประโยค(คำถาม) เช่น Do you eat rice ?
*ท่องเล่นๆไว้ดังนี้ก่อน
ขอให้จำให้ได้ว่า ในภาษาไทยนั้นเอาคำที่สร้างประโยคคำถามไว้หลังส่วนภาษาอังกฤษเอาคำที่สร้างประโยคคำถามไว้ข้างหน้า
โปรดดูการสร้างรูปประโยคคำถามดังต่อไปนี้
1. Do you come here every day?
-Yes , I come here every day.
2. Do you wear a hat every day?
-No , I do not (จะอ่านหรือเขียนเป็น I don't ก็ได้คับ^^) wear a hat every day.
3. Do you cook your food ever y day?
-Yes , I cook my food every day.
4. Do you dust your table every day?
-Yes , I dust my table every day.
5. Do you talk with your friend every day?
-No , I do not talk with my friend every day.
6. Do you beat a drum every day?
-Yes , I beat a drum every day.
7. Do you run in the field every day?
-Yes , I run in the field every day.
8. Do you pay bill every day?
-No , I do not pay bill every day.
1.1.3 ในการกล่าวปฏิเสธนั้น ภาษาไทยใช้คำว่า “ไม่ได้” เช่นฉันไม่ได้กิน ฉันไม่ได้ดื่ม ภาษาอังกฤษใช้คำว่า “do not” หรือ " don't " เช่น I do not eat., I do not drink., I don't run.
1.1.4 มีกฏอยู่ว่าเมื่อประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่3 กริยาจะต้องเติมsหรือes ลงไป เช่น
1. I drink water every day.
-He drinks water every day.
2. I have my breakfast at home everyday.
-She has (have+s = has) breakfast at home everyday.
3. I do my work every day.
-He does (do+es = does) his work every day.
4. I run in the field every day.
-He runs in the field every day.
5. I have my dinner at condo every day.
-She has her dinner at home every day.
1.1.5 ขอให้สังเกตประโยคข้างล่างนี้
1. - does he drink water everyday ?
2. - Yes , he drink water every day.
3. - No , he does not drink water every day.
จากกฏที่ว่า เมื่อประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่3 กริยาจะต้องเติม s หรือ es ลงไป ดังนั้นให้สังเกตดังนี้
•ประโยคที่1 เป็นประโยคคำถาม ในประโยคนี้มีกริยาอยู่2ตัว คือ กริยาช่วย ก้คือdo ที่เป็นตัวสร้างประโยคคำถาม กับกริยาตัวสำคัญ ก้คือ drink เมื่อมีกริยาสองตัวเช่นนี้ ให้เราเติม es เข้าที่เฉพาะตัวแรกตัวเดียว(ที่เป็นตัวช่วย) จาก do จึงกลายเป็น Does ไป (Do+es = Does)
•ประโยคที่2 มีกริยาตัวเดียว คือ drink จึงให้เติม s เข้าไปตามกฏคับ เป็น drinks
•ประโยคที่3 มีกริยา2ตัว เช่นเดียวกับประโยคที่1 (do not drink) ให้เราเติม es ที่เฉพาะกริยาตัวแรกอีก จาก do จึงกลายเป็น does ไปคับ
1.1.6 ตามกฏที่ว่า เมื่อประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่3 กริยาจะต้องเติม s หรือ es ลงไป ถ้ากริยาตัวใดลงท้ายด้วย O หรือเสียง ส ซ และ จ ให้เติม es ลงไป เช่น do เป็น does , go เป็น goes , wash เป็น washes
******************(( จบบทที่ 1 แล้วครับผม ))******************
*************************************************************************************************************
ขอขอบคุณ หนังสือ ''หลักภาษาอังกฤษ ไวยากรณ์อังกฤษไม่ได้ยากอย่างที่คิด" ที่ทำให้ผมมีแรงบันดาลใจเขียนบล็อกและกระทู้ "เรียน eng ไม่ยากอย่างที่คิด" ครับ ^^
*************************************************************************************************************
ก่อนอื่นเลย ธรรมชาติของคนเมื่อเด็กคนนึงอายุย่างเข้าประมาณสองขวบ ไม่ว่าชาติใด ภาษาใด เด็กจะพูดภาษาของตนได้ก่อน โดยรู้ศัพท์ไม่ถึง 100คำ แต่ทุกคำนั้นนำมาใช้ได้หมด ผิดกับคนไทยบางคนที่จบมหาวิทยาลัย ซึ่งอาจรู้ศัพท์ถึง2,500คำ และรู้ไวยากรณ์มากกว่าเด็กฝรั่ง แต่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้
ซึ่งที่เราพูดภาษาอังกฤษไม่ได้นั้น ไม่ใช่เพราะรู้ศัพท์ภาษาอังกฤษไม่พอ หรือไวยากรณ์ไม่แตกฉาน แต่เพราะไม่สามารถนำศัพท์ที่รู้นั้นไปแต่งประโยคพูดได้นั่นเอง
ซึ่งหนังสือเล่มนี้ ได้บอกผมแบบนี้ครับ ลองนึกถึงความจริงอันนี้ ไม่มีใครสามารถว่ายน้ำได้เพียงเพราะ 1.ดูคนอื่นว่ายน้ำ 2.ฟังคำอธิบายวิธีว่ายน้ำ 3.อ่านตำราว่ายน้ำ
วิธีที่จะว่ายน้ำให้เป็น มีอยู่วิธีเดียว คือลงไปในน้ำแล้วหัดว่าย โดยมีคนคอยสอนให้ครับ
เช่นเดียวกับการเรียนภาษาอังกฤษ ไม่มีใครสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ เพียงเพราะ 1.ฟังคนอื่นพูดภาษาอังกฤษ 2.ฟังคำอธิบายเกี่ยวกับภาษาอังกฤษ 3.อ่านตำราภาษาอังกฤษ
เพราะฉะนั้นระหว่างที่อ่านเนื้อหาในกระทู้นี้ มันจะมีแบบฝึกหัดย่อยต่างๆคับ ลองทำด้วยปากเปล่า (ด้วยการออกเสียงดังๆ) ทำข้อละหลายๆครั้ง และหลายๆเที่ยว จนสามารถพูดได้คล่องจริงๆ แล้วจึงเขียนลงในสมุด วิธีนี้จะทำให้เราพูดจำและพูดได้แน่ๆครับ
เอาล่ะครับ เรามาเริ่มบทที่1กันเลยย
ตอนที่1 ประธานกระทำ
บทที่1 การกระทำที่ทำเป็นสม่ำเสมอ
1.1.1 ในโครงสร้างของภาษาอังกฤษนั้นเหมือนกับภาษาไทยคือนำเอาคำมาเรียงในลักษณะเดียวกัน เช่น ฉันกินข้าว I eat rice. ฉันดื่มน้ำ I drink water. ต่างกับบางภาษาที่เรียงประโยคเป็นฉันข้าวกิน ฉันน้ำดื่ม หรือแม้กระทั่ง ข้าวกินฉัน น้ำดื่มฉันตัวอย่าง (ประธาน + กริยา + กรรม +กริยาวิเศษ)
- I come here every day. - I bring my book everyday.
- I go to market every day. - I sit on a chair everyday.
- We get our money everyday. - We speak with our friendevery day.
- We write letters everyday. - We ring a bell every day.
- You give him a book every day. - You put on your clothesevery day.
- You teach your broth erevery day. - You wear a hat every day.
1.1.2 ในการตั้งประโยคคำถามนั้น ภาษาไทยเราจะใส่คำ ‘หรือ’ ลงไปในที่ท้ายประโยค เช่น คุณดื่มน้ำทุกๆวันหรือ? , คุณอ่านหนังสือพิมพ์ทุกๆวันหรือ?
ในภาษาอังกฤษนั้นให้เราใส่คำ ‘Do’ เข้าที่หน้าประโยค(คำถาม) เช่น Do you eat rice ?
*ท่องเล่นๆไว้ดังนี้ก่อน
“ เมื่อ have ไม่มี และ Be ไม่อยู่ ให้ใส่ ‘Do’ ไว้หน้า ”
ขอให้จำให้ได้ว่า ในภาษาไทยนั้นเอาคำที่สร้างประโยคคำถามไว้หลังส่วนภาษาอังกฤษเอาคำที่สร้างประโยคคำถามไว้ข้างหน้า
โปรดดูการสร้างรูปประโยคคำถามดังต่อไปนี้
1. Do you come here every day?
-Yes , I come here every day.
2. Do you wear a hat every day?
-No , I do not (จะอ่านหรือเขียนเป็น I don't ก็ได้คับ^^) wear a hat every day.
3. Do you cook your food ever y day?
-Yes , I cook my food every day.
4. Do you dust your table every day?
-Yes , I dust my table every day.
5. Do you talk with your friend every day?
-No , I do not talk with my friend every day.
6. Do you beat a drum every day?
-Yes , I beat a drum every day.
7. Do you run in the field every day?
-Yes , I run in the field every day.
8. Do you pay bill every day?
-No , I do not pay bill every day.
- เอาล่ะมาทำแบบฝึกหัด 1.1.2 กันครับ:
ทำประโยคข้างล่างนี้ให้เป็นประโยคคำถาม พร้อมกับตอบรับ ตอนแรกให้ทำด้วยปากเปล่าจากนั้นเขียนลงในสมุด เช่น
I come here every day.
- Do you come here every day ?
-- Yes , I come here every day.
1. I listen to music every day. 5. I open the windows every day.
2. I pull the string every day. 6. I write with my pen every day.
3. I talk with my friend every day. 7. I travel by train every day.
4. I pay the bill every day. 8. I go to market every day.
9. I read a book every day. 10. I write a blog every day.
1.1.3 ในการกล่าวปฏิเสธนั้น ภาษาไทยใช้คำว่า “ไม่ได้” เช่นฉันไม่ได้กิน ฉันไม่ได้ดื่ม ภาษาอังกฤษใช้คำว่า “do not” หรือ " don't " เช่น I do not eat., I do not drink., I don't run.
- เอาล่ะมาทำแบบฝึกหัด 1.1.3 กันครับ:
[size=16]
ทำประโยคทั้งหมดในแบบฝึกหัดของ 1.1.2 นี้ให้เป็นประโยคคำถามพร้อมกับตอบปฏิเสธ ตอนแรกให้ทำด้วยปากเปล่าครับ จากนั้นให้เขียนลงในสมุด(ฝึกพูดตอบรับและฝึกเขียนไปในตัวครับอิอิ)
เช่น I eat rice every day.
- Do you eat rice every day?
-- No , I do not eat rice every day.
1.1.4 มีกฏอยู่ว่าเมื่อประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่3 กริยาจะต้องเติมsหรือes ลงไป เช่น
1. I drink water every day.
-He drinks water every day.
2. I have my breakfast at home everyday.
-She has (have+s = has) breakfast at home everyday.
3. I do my work every day.
-He does (do+es = does) his work every day.
4. I run in the field every day.
-He runs in the field every day.
5. I have my dinner at condo every day.
-She has her dinner at home every day.
- มาทำแบบฝึกหัด 1.1.4 กันครับ:
ทำประธานของประโยคในแบบฝึกหัดของ 1.1.2 ให้เป็น ''he หรือ she '' ก้ได้ ตอนแรกให้ทำด้วยปากเปล่า จากนั้นก้เขียนลงในสมุดเหมือนเดิมครับ เมื่อเปลี่ยนประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่3แล้วอย่าลืมเติม s หรือ es ที่กริยากันด้วยนะครับ :'D
ดูหลักการเติม s และ es ได้ที่นี่ครับ
1.1.5 ขอให้สังเกตประโยคข้างล่างนี้
1. - does he drink water everyday ?
2. - Yes , he drink water every day.
3. - No , he does not drink water every day.
จากกฏที่ว่า เมื่อประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่3 กริยาจะต้องเติม s หรือ es ลงไป ดังนั้นให้สังเกตดังนี้
•ประโยคที่1 เป็นประโยคคำถาม ในประโยคนี้มีกริยาอยู่2ตัว คือ กริยาช่วย ก้คือdo ที่เป็นตัวสร้างประโยคคำถาม กับกริยาตัวสำคัญ ก้คือ drink เมื่อมีกริยาสองตัวเช่นนี้ ให้เราเติม es เข้าที่เฉพาะตัวแรกตัวเดียว(ที่เป็นตัวช่วย) จาก do จึงกลายเป็น Does ไป (Do+es = Does)
•ประโยคที่2 มีกริยาตัวเดียว คือ drink จึงให้เติม s เข้าไปตามกฏคับ เป็น drinks
•ประโยคที่3 มีกริยา2ตัว เช่นเดียวกับประโยคที่1 (do not drink) ให้เราเติม es ที่เฉพาะกริยาตัวแรกอีก จาก do จึงกลายเป็น does ไปคับ
- ทำแบบฝึกหัด 1.1.5 กันครับ:
ทำประโยคข้างล่างนี้ให้เป็นประโยคคำถามพร้อมกับตอบรับและตอบปฏิเสธ ตอนแรกให้ทำด้วยปากเปล่า จากนั้นให้ทำลงสมุดเหมือนเดิมคับ ^^
ตัวอย่าง He stays at home every day.
- Does he stay at home every day?
-- Yes , he stays at home every day.
--- No , he does not (หรือ doesn't ก้ได้ครับ) stay at home every day.
1. He repeats his words every day. 2. He works hard every day.
3. He builds his house every day. 4. She sends a letter every day.
5. She sings a song every day. 6. He thinks of his friend every day.
7. She turns on the radio every day. 8. She waits for her friend every day.
9. He shaves his beard every day. 10. He plays football every day.
1.1.6 ตามกฏที่ว่า เมื่อประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่3 กริยาจะต้องเติม s หรือ es ลงไป ถ้ากริยาตัวใดลงท้ายด้วย O หรือเสียง ส ซ และ จ ให้เติม es ลงไป เช่น do เป็น does , go เป็น goes , wash เป็น washes
- แบบฝึกหัดที่ 1.1.6 ครับ:
ทำประโยคข้างล่างนี้ให้เป็นประโยคคำถามพร้อมกับตอบรับและปฏิเสธ
ตัวอย่าง he washes his clothes every day.
- Does he wash his clothes every day ?
-- Yes , he washes his clothes every day.
--- No , he does not wash his clothes every day.
1. He teaches his students every day. 2. He crosses the river every day.
3. He choose his clothes every day. 4. He reaches home every day.
5. He rushes home every day. 6. He uses his pen every day.
7. He closes the door every day. 8. She brushes her shoes every day.
9. She please her husband every day. 10. She has her breakfast every day.
******************(( จบบทที่ 1 แล้วครับผม ))******************
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|